ประเภทของการปะยางรถยนต์
มาดูกันว่าการปะยางรถยนต์แต่ละประเภทนั้น มีวิธีขั้นตอนอย่างไร และควรเลือกการปะยางแบบไหนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการปะยางแบ่งได้ทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้
1. วิธีการปะยางรถยนต์แบบแทงใยไหม
การปะยางแบบแทงใยไหมเป็นการปะยางที่เหมาะสำหรับใช้ชั่วคราว เป็นวิธีการซ่อมแซมยางในเบื้องต้น หรือซ่อมแซมยางรถยนต์ได้ในกรณีฉุกเฉิน มีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากเพียงดึงสิ่งที่ตำยางรถยนต์ออก แล้วใช้ตะไบหางหนูหรือสว่านเบอร์เล็กทะลวงแผลให้ขยายออกสำหรับแทงไหมลง
และที่สำคัญควรระวังอย่าให้มีโครงลวดของยางทิ่มออกมา แล้วจึงนำอุปกรณ์แทงใยไหมลักษณะคล้ายเข็มร้อยขนาดใหญ่ ทากาวแล้วร้อยไหมเข้าไปในตาเข็ม แล้วอุดลงไปในรูแผลที่เตรียมไว้ ดึงเข็มขึ้นมาและตัดไหมส่วนเกินออกก็เรียบร้อย
วิธีปะยางรถยนต์แบบแทงใยไหมเหมาะสำหรับซ่อมรูรั่วขนาดเล็กเท่านั้น ส่วนมากใช้ได้เมื่อยางรถยนต์ถูกตะปูหรือเหล็กแหลมทิ่มตำ ซึ่งข้อดีของการปะยางรถยนต์แบบแทงใยไหมก็คือ ช่วยแก้ปัญหายางรั่วได้อย่างรวดเร็ว สามารถทำได้ด้วยตนเอง ส่วนข้อเสียปะยางรถยนต์แบบแทงใยไหมก็คือใช้ได้เฉพาะบาดแผลขนาดเล็กและยังอาจเกิดการรั่วซึมที่แผลเดิมได้
ข้อดี
– ปะยางได้โดยไม่ต้องถอดยางออกจากกระทะล้อ และไม่ต้องถอดกระทะออกจากรถ
– ประหยัดเวลา สะดวกรวดเร็วในการปะยาง สามารถถ่วงล้อได้ง่าย เพราะไม่ส่งผลต่อน้ำหนักของยาง
– อุดรูรั่วขนาดเล็กได้ดี
ข้อเสีย
– ไม่สามารถรับน้ำหนักได้เยอะเท่าแบบสตรีม
2. การปะยางแบบสตรีมร้อน
การปะยางประเภทนี้จะใช้ในกรณีที่ยางโดนตะปู น๊อต เหล็กหรือเศษแก้วบาด มีขนาดรอบไม่ได้ใหญ่มาก โดยจะต้องถอดยางออกมาเพื่อปะที่ด้านใน เพราะเป็นการอุดรอยรั่วด้านในของตัวยาง ขั้นตอนการปะยางแบบสตรีมร้อนจะใช้แผ่นยางขนาดเล็กมาแปะไว้ที่รอยรั่ว หลังจากนั้นจึงใช้เครื่องกดความร้อนเพื่อช่วยสมานเนื้อยางให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน จึงทำให้มีความทนทานมากกว่าการปะยางแบบแทงใยไหม และสามารถใช้ยางต่อได้จนกว่ายางจะหมดสภาพ
ข้อดี – รอยรั่วจะมีความแน่นสนิทที่สุด ทนต่อความร้อน และรับน้ำหนักได้ดี
ข้อเสีย – หากเป็นยางที่ไม่มียางใน ความร้อนจะทำให้โครงสร้างของยางเสียหายได้ แต่หากเป็นยางแบบมียางใน อาจทำให้ยางเกิดการผิดรูปได้และทำให้เกิดความเสียหายหรือยางอาจบวมในเวลาต่อมา โดยจะเกินขึ้นรอบ ๆ บริเวณแผลปะที่ถูกความร้อน
3. การปะยางแบบสตรีมเย็น
สำหรับการปะยางแบบสตรีมเย็นจะมีวิธีการที่คล้ายกับการปะแบบสตรีมร้อนแต่จะไม่มีกระบวนการความร้อนเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยจะมีการอุดรอยรั่วจากด้านในเหมือนกัน แต่จะมีการเริ่มต้นที่แตกต่าง
โดยจะมีการขัดผิวยางรอบรูรั่วให้สาก จากนั้นจึงทากาวแบบพิเศษ และจึงใช้การแปะแผ่นยางขนาดเล็กเพื่ออุดรอยรั่ว ทุบให้แน่น ก็ถือว่าเรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยสมานรอยรั่วไม่ให้มีลมรั่วออกมา ซึ่งวิธีนี้ก็มีความทนทานเช่นเดียวกับการสตรีมร้อนและสามารถใช้ยางได้ต่อจนหมดสภาพ อีกทั้งยังไม่ส่งผลต่อโครงสร้างยางด้วย
ข้อดี
– ปิดรอยรั่วบนยางได้ดีมาก
– สามารถใช้ได้กับรถยนต์ทุกประเภท
ข้อเสีย
– รอยที่ปะอาจมีการรั่วซึมได้ง่าย เพราะรอยรั่วด้านนอกไม่ได้รับการปิดหรือบังไว้
ปะยางรถยนต์ ราคาเท่าไหร่
โดยทั่วไปทางร้านหรือศูนย์บริการจะทำการประเมินบาดแผลยางว่าเหมาะสำหรับการปะแบบไหนมากที่สุด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบาดแผลหรือรอยรั่วนั้นๆ เพราะทั้งแบบแทงไหม แบบสตรีมร้อน และแบบสตรีมเย็น แต่ละประเภทมีขั้นตอนการปะที่ไม่เหมือนกัน ราคาปะยางขึ้นอยู่กับประเภทการปะ
ซึ่งการปะยางแบบแทงไหมค่าบริการต่อแผลประมาณ 70-100 บาท และการปะยางแบบสตรีมค่าบริการต่อแผลประมาณ 150-300 บาท ส่วนราคาด้านอื่นๆ อาจมีการคิดบริการเพิ่มเติม โดยขึ้นอยู่กับศูนย์บริการซ่อมรถ
ยางรถยนต์คือส่วนที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ แม้ว่าการปะยางจะสามารถซ่อมแซมยางรถยนต์ของคุณให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม แต่วิธีปะยางรถยนต์แต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน การตัดสินใจว่าจะเป็นแบบไหนที่ดีที่สุดนั้นก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของรถในขณะนั้นและการตัดสินใจของผู้ใช้รถเอง
แต่ถ้าหากเกิดขึ้นที่บริเวณแก้มยางหรือไหล่ยาง เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้เปลี่ยนยางใหม่จะดีกว่าครับ เพราะแก้มยางเป็นส่วนมีความยืดหยุ่นตลอดเวลา และถ้าจะให้ดีผู้ใช้รถเองก็ควรหมั่นสังเกตยางรถอยู่เสมอ
CR : https://www.yellowservise.com